วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรียงความเรื่อง : กิจวัตรและกิจกรรม

ฟ้ามิได้แบ่ง ยอดคนกับ คนธรรมดาออกจากกัน ยอดคนจะปรากฎขึ้นได้เพราะ เขาผ่านการ ฝึกฝน และ เรียนรู้ ที่จะเป็นยอดคน

ในโลกใบนี้ความรู้มีให้แสวงหา ไม่รู้จักหมดสิ้น การแสวงหาความรู้นอกจากจสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองแล้วยังสามารถเรียนรู้ได้จากสภาพแวดล้อม จากตำราเรียน และเรียนรู้จากประสบการณ์ที่พบด้วยตนเอง จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งที่เราพบเห็น ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้ทั้งสิ้น

เมื่อเราได้เรียนรู้จนเข้าใจอย่างท่องแท้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สิ่งเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเรื่องที่เราคุ้นชิน

หากเปรียบเทียบความรู้สิ่งที่เรารู้อยู่แล้วก็เปรียบกับกิจวัตรที่เราทำอยูเป็นประจำ แต่สิ่งเหล่านั้นย่อมต้องถูกเติมเต็มด้วยกิจกรรมที่มาเป็นส่วนเสริม ก็เหมือนกับความรู้ใหม่ๆที่มนุษย์ทุกคนต้องการแสวงหาเข้ามาในชีวิตตลอดเวลา สมองของคนเราเหมือนพื้นดินว่างเปล่าเมื่อเราปลูกอะไรลงไปเราก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น จงปลูกฝังแต่สิ่งดีๆลงไปในสมอง คำพูดใดๆที่เราเคยได้ยินซ้ำๆซากๆเกิน 37 ครั้งมันจะกลายเป็นอุปนิสัย ก็เหมือนกับกิจวัตรที่เรามักจะทำมันอย่างเคยชินโดยไม่ได้สังเกตุ สิ่งที่เราทำจนเคยชินเมื่อถึงเวลาหนึ่ง ด้วยกิเลสตัญหาของมนุษย์และความเบื่อหน่าย จึงจำเป็นต้องหากิจกรรมบางอย่างเข้ามาเป็นส่วนเสริมในชีวิต ทั้งนี้สิ่งที่เราทั้งหมดเลือกกระทำก็เกิดจากสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ หากแวดล้อมที่เราอยู่นั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่ดีงามกิจกรรมที่เราเลือกทำย่อมดีงามไปด้วย แต่หากแวดล้อมที่เราอยู่เต็มไปด้วยความต่ำช้า กิจกรรมมที่เราจะทำย่อมหนีไม่พ้นเรื่องเลวทรามเป็นแน่ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกคือ สิ่งแวดล้อม อย่าปล่อยให้ความคิดหรือคำพูดของคนบางคนมาตัดสินชีวิตของเรา ในโลกนี้ไม่มีใครมีอิทธิพลกับตัวเรา นอกจากตัวเราเอง

บางครั้งเรามักหลงลืมสังเกตุสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว เรามักจะทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งจนเคยชินและทำให้กิจกรรมเหล่านั้นกลับกลายมาเป็นกิจวัตรในที่สุด อย่างการสูบบุหรี่ เราถูกสอนมาเพื่อให้สูบบุหรี่ คงไม่ใช้อย่างนั้นแน่ อาจจะเป็นค่านิยม ความอยากรู้ อยากให้ รูปรส กลิ่นและสัมผัส จนเกิดความเชื่อมโยงที่เราไม่สามารถแยกมันออกจากกัน กิจกรรมการสูบบุหรี่จึงถูกหยิบยกมาเป็นกิจวัตนในที่สุด การที่มนุษย์นำกิจกรรมมารวมกับกิจวัตรนั้น ก็ไม่ใช่ความผิดเสมอไป เพราะกิจกรรมบางอย่าง ที่เราทำจนเป็นความเคยชิน เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จ เราก็จะทำกิจกรรมเหล่านั้น เหมือนดั่งกิจวัตรเพื่อให้เข้าถึงสิ่งๆนั้น อย่างท่องแท้ และลึกซึ้ง

มนุษย์คือจุดศูนย์กลางของเส้นรอบวงที่ไม่มีขีดจำกัด ทำไมมนุษย์เหมือนกันจึงประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน นั่นเป็นเพราะว่ามนุษย์แต่ละคนได้รับโอกาศทางความคิดและการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน หากวันหนึ่งเราได้รับโอกาศเหล่านั้นจงใช้โอกาศเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์เพื่อนำไปสู่จุดหมายปลายทางที่ดีในอนาคตในที่สุด

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สรุปสิ่งที่ได้จากการดูหนังสารคดี

สิ่งที่ได้จากการดูสารคดีสิ่งแรกคือคำถาม ว่าในฐานะที่เราเป็นนักออกแบบคนนึง เราสามารถทำอะไรเพื่อสังคมได้บ้าง เมื่อเกิดคำถามก็ทำให้ย้อนนึกไปถึงคำว่า Green Design กล่าวคือการออกแบบที่ดีคือต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ต้องไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์ไม่สร้างผลเสียต่อสภาพแวดล้อม ระหว่างการผลิต การใช้งาน ตลอดจนการทำลายทิ้ง ที่สำคัญก็คือไม่ใช่วัสดุที่ฟุ้มเฟือย นอกจากนี้ยังได้ทราบว่าการออกแบบที่ดีต้องมีการคิดริเริ่มใหม่ๆ ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ คำนึงถึงการนำไปใช้งาน ผลิตภัณฑ์ที่ดีต้องทนทาน สอดคล้องในทุกลายละเอียด เราจะเห็นได้ว่านักออกแบบทุกท่านทีคุณสมบัติดังกล่าว

นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์เพียงชิ้นเดียว ต้องผ่านกระบวนการคิดที่แสนชาญฉลาด ว่าเมื่อออกแบบมาแล้วสินค้าเหล่านี้จะถูกวางอย่างไร จะถูกใช้งานอย่างไร และเมื่อหมดสภาพแล้วจะถูกนำมาทำอะไรต่อไปได้อีกหรือไม่ และได้เห็นแง่มุมที่แตกต่างกันของนักออกแบบ แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่สามารถร่ามงานกันได้อย่างลงตัว และได้ทราบว่านักออกแบบที่ดีต้องคิดถึงวัตถุประสงค์ของการออกแบบ ว่าออกแบบไปทำไม และออกแบบเพื่อใคร และในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดีไม่จำเป็นต้องหรูหรา ฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็นต้องเต็มไปด้วยฟังชั่นการใช้งานที่ยุ่งยาก แต่เป็นอะไรที่เรียบง่าย สามารถเข้าใจได้ทันที อย่างเช่นแบรนด์ MUJI และ APPLE นำเสนอความเรียบง่ายเหมือนกันแต่แตกกันตรงที่ MUJI ตัดทอนข้อมูล และตัดทอนความชัดเจนบางส่วนออกไป ใช้นามธรรม+ ความเรียบง่าย ในขนาดที่ APPLE ตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปแต่นำเสนอข้อมูลที่ชัดเจน

จากที่กล่าวมาหากเราจะนำมาใช้ในงานออกแบบของเราก็คงจะหนีไม่พ้นการ

เลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ ใช้กระดาษเท่าที่จำเป็น หันมาใช้กระดาษรีไซเคิลในการออกแบบ ไม่เลือกใช้วัสดุที่ทำมาจากหนังสัตว์ ไม่ใช้วัสดุที่ฟุ่มเฟือย เลือกใช้สีที่ผลิตจากธรรมชาติ และที่สำคัญที่สุดคือ เราสามารถเป็นนักดีไซน์ที่ดีได้ทุกคน

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กิจวัตร - กิจกรรม(แก้ไข)

ในสังคมเมืองที่เต็มไปด้วยความรวดเร็วฉับไว ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างมาเพื่อให้เราดำเนินชีวิตตามแบบแผน ความสะดวกสบาย ทำให้เราหลงลืม บางสิ่ง บางอย่างที่มีความสำคัญ คำว่ากิจวัตรและกิจกรรมถูกหล่อหลอมรวมกัน เสมือนว่าเป็นคำๆเดียวกันทั้งที่ 2 คำนี้แตกต่างกันอย่างมากมายหรือเป็นเพราะว่าเราแค่ไม่ใส่ใจ ปล่อยให้มันผ่านไปอย่างที่เคยเป็นมาโดยตลอด

ในทุกวันของการดำเนินชีวิต เรารู้สึกอย่างไร เราเคยสังเกตไหม ว่ามีทั้งกิจกรรมและกิจวัตรปะปนอยู่ในวิถีชีวิตของเรา เราต้องตื่นนอน อาบน้ำ แปรงฟัน รับประทานอาหาร การทำความสะอาดบ้านไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำในทุกๆวันอีกต่อไป การดูทีวี ฟังวิทยุ คุยโทรศัพท์ทั้งๆที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน บีบี ไอโฟน และโทรศัพท์มือถืออีกหลากหลายรุ่นกลายเป็นอวัยวะส่วนที่ 33 ของคนเกือบทุกคน การฉกชิง วิ่งราว ปล้น ฆ่า ข่มขืน มีให้เห็นในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน เสมือนสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว อีกทั้งการที่เราต้องเหน็ดเหนื่อยเดินทางไปในสถานที่เดิมๆในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน หรือไปสถานศึกษา รวมทั้งกลิ่นของเน่าเหม็นในสภาพแวดล้อม น้ำเน่า น้ำเสีย อีกทั้งการที่เราต้องอดทนกับสภาพรถติด เสียงแตรรถของคนใจร้อนที่ขับรถ ปาดไป ปาดมาอย่างน่าหวาดเสียว ทั้งที่ถนนก็มีแค่ไม่กี่เลน จะยอมอดทนกับไฟแดงเพียงไม่กี่วินาทีไม่ได้เชียวหรือ ลมของท่อไอเสียในรถยนตร์ ที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศที่เราสูดดมเข้าไปในทุกๆลมหายใจ ทำให้เกิดความเจ็บป่วยและโรคร้าย ที่มาเยี่ยมเยือนเรา เหมือนเป็นญาติคนสนิทของมัน สิ่งเหล่านี้กลายเป็นกิจวัตรอันคุ้นชินในสายตาของคนกรุง

และด้วยความศิวิไลของเมืองกรุงอันแสนสวยงาม การที่เรามีกิจวัตรอันแสนวุ่นวายดูเหมือนจะไม่เพียงพอจึงจำเป็นต้องมีกิจกรรมมาเสริมเติมแต่งวิถีชีวิตให้ดูมีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม การไปดื่มเหล้าสรรสันกับเพื่อนๆ หลังเลิกงานและเลิกเรียนเมื่อมีโอกาศ กิจกรรมที่เรียกตัวเองว่าปาร์ตี้ก็ถูกแทนที่ด้วยยาเสพย์ติดและของมึนเมา และทุกครั้งที่มีเวลาว่างเหล่าสุภาพสตรีและเหล่าสุภาพบุรุษบางท่านก็มักจะเพลิดเพลินกับการทำลายปอดด้วยการสูบสิ่งชั่วร้ายที่มีขนาดเพียงแค่ 120 มิลลิเมตร นอกจจากเป็นการทำลายตนเองและผู้คนรอบข้างแล้ว ยังเป็นการทำลายโลกอีกด้วย กิจกรรมการใช้เงินฟุ้มเฟือยเป็นที่นิยมมากในหมู่สุภาพสตรีที่มีเงินเหลือเฟือซึ่งสนุกสนานกับการซื้อเสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์แนม และรองเท้าคู่สวย ในราคาย่อมเยา แต่ยังมีกิจกรรมอีกประเภทที่คนสมัยนี้นิยมกันมากเช่นกัน นั่นก็คือการออกกำลังกาย แทนการดื่มเหล้า ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแบตมินตัน การโยนโบว์ลิ่ง การตีเทนนิส เล่นบาส หรือเล่นฟุตบอล นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมที่แสนจะผ่อนคราย และเป็นการครายเครียดทำให้ผู้คนอยู่ในโลกมายาที่แสนสวยงาม นั่นก็คือการดูหนัง ไม่ว่าจะเป็นหนังในโรงภาพยนตร์ และหนังหลังละคร ซึ่งก็จะมีทั้งหนังที่มีคุณภาพและหนังที่ขายบางอย่างมากกว่าเนื้อหา สิ่งเหล่านี้ก็ต้องแล้วแต่วิจรณยานในการรับชม

จากสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดจะพบว่าทั้งกิจวัตรและกิจกรรม ได้แฝงอยู่ในวิถีชีวิตเราอย่างแนบเนียน จนแทบแยกไม่ออก จึงอยากให้ลองสังเกตุทุกสิ่ง ทุกอย่างที่อยู่รอบตัว มีสติในการดำเนินชีวิต ใช้ชีวิตเร็วบ้างช้าบ้างอย่างสมดุล รู้จักปรับตัว คงไม่มีคำว่าสายเกินไปหากเรายังมีลมหายใจและพร้อมที่จะรับรู้สิ่งต่างๆที่ผ่านรอบตัวเรา

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Concept และ Idea

Idea คือ ความคิด

Concept คือ แนวความคิด

คนเราจะมีความคิดอยู่ตลอดเวลา Idea จึงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาและเนื่องจาก idea เป็นสิ่งที่เราคิดขึ้นมาก่อน เนื้อหาและข้อมูลจากความคิดของเรา อาจจะกว้างมากไกลมาก จนทำให้สิ่งที่เราต้องการจะสื่อสารกับผู้ดูอาจจะไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ ทำให้เกิด Concept ที่ถูกสร้างขึ้นมาทีหลังเพื่อที่จะใช้ในการควบคุม idea หรือความคิดให้อยู่ในกรอบ อยู่ในขอบเขตที่เราต้องการ หรือพูดในอีกแง่หนึ่งก็คือ Concept เป็นตัวคัดกรองตัว idea อีกที ในมุมกลับกัน Concept และ Idea สามารถยืดหยุ่นไปมาได้ Concept อาจทำให้เกิด idea ได้และ Idea ก็สามารถทำให้เกิด concept ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ConceptและIdea จึงแตกต่างกันตรงที่Conceptคือแก่นของความคิดเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้และได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้วในขนาดที่Ideaคือสิ่งที่แตกออกมาจากConcept สามารถเปลี่ยนแปลได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของคำว่าConcept

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือของ Concept และ Idea คือระบบการทำงาน ที่นำไปสู่การใช้ในงานออกแบบ เพราะถ้าหากเราเพียงแค่เข้าใจ Concept และ Idea ในเชิงทฤษฎี แต่ไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับงานออกแบบแล้ว งานชิ้นนั้นก็จะเป็นเพียงสื่อที่เน้นแค่ความสวยงามแต่ปราศจากความคิด

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กิจวัตร - กิจกรรม

ฉันชื่อวาธิณี สุธาเกียรติสกุล ชื่อเล่นชื่อแจม เกิดวันที่ 28 ตุลาคม พ.. 2531 สมาชิกในครอบครัวประกอบไปด้วย พ่อ แม่ พี่สาว พี่ชายตัวฉันเองและสุนัข 1 ตัว อากงและอาม่าของฉันเป็นคนจีน พ่อแม่ของฉันก็เป็นคนจีนแต่มีสัญชาติไทย ส่วนฉันเป็นคนไทยสัญชาติไทยเพราะว่าฉันเกิดในประเทศไทยและมีพ่อแม่ที่มีบัตรประชาชน ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่178/17 ซอยนาคสุวรรณ หมู่บ้านนนทรีเรซิเดนซ์ เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร

ในทุกวันของการดำเนินชีวิต ฉันต้องนอนหลับ ตื่นนอน กินอาหาร 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฉันพบว่าฉันต้องทำซ้ำๆทุกวันโดยไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกเบื่อหน่ายแต่อย่างใด นอกจากนี้ฉันยังคงต้องล้างงหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ หวีผม บางวันหากฉันรู้สึกขี้เกียจ ฉันอาจจะไม่ทำสิ่งใด สิ่งหนึ่งเหล่านี้ ซึ่งก็ไม่ได้มีผลอะไรกับฉัน นอกจากนี้ฉันยังต้องไปเรียนหนังสือ ฉันค้นพบว่าฉันใช้เวลาเกือบช่วงชีวิตอยู่กับการเรียน แม้ว่าบางครั้งฉันจะรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากไปเรียนฉันก็จะถูกพ่อแม่บังคับ จนในที่สุดฉันก็ต้องทำตามคำสั่งโดยไม่มีเงื่อนไข จนบางครั้งฉันก็โดดเรียนไปดูหนัง ไปเที่ยว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำได้บ่อยๆ และคาดเดาล่วงหน้าไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเวลาและสถานการณ์

และเนื่องจากครอบครัวของฉันเป็นคนจีนในทุกๆปีหน้าที่ของฉันจึงต้องไปเช็งเม้ง(ไปเคารพสุสานบรรพบุรุษ)โดยวันและเวลาจะถูกระบุไว้ว่า หากเดือนกุมภาพันธ์มี 28 วันวันเช๊งเม้งก็จะตรงกับวันที่ 5 เมษายน หากเดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน วันเช็งเม้งก็จะตรงกับวันที่ 4 เดือนเมษายน ถึงแม้จะเป็นหน้าที่แต่ก็มีข้อยกเว้นว่า ถ้าหากปีไหนติดธุระไม่สะดวก ในปีนั้นก็ไม่ต้องไป แต่ในปีถัดไปสะดวกฉันก็ต้องไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เหมือนกับกิจกรรมรับน้องของมหาวิทยาลัยที่ดูเหมือนว่าทุกคนต้องทำ แต่ถ้าหากไม่อยากทำ ไม่สะดวก ไม่สมัครใจเราก็ไม่จำเป็นต้องทำ ซึ่งฉันก็เป็นอีก 1 คนที่เลือกจะไม่ทำกิจกรรมรับน้องเพราะว่า ไม่สะดวกในการเดินทางมามหาวิทยาลัย

ดังนั้นหากจะสรุปว่ากิจวัตรกับกิจกรรมแตกต่างกันอย่างไร ก็คือกิจวัตรคือสิ่งที่เราต้องทำ ทุกวัน บางวันไม่ทำก็ได้ แต่ก็ต้องทำในวันต่อๆไปและเป็นหน้าที่ที่ขาดไม่ได้ กิจกรรมก็คือ สิ่งที่นานๆจะทำครั้งหนึ่ง ขาดเดาไม่ได้ ไม่ได้มีการบังคับและไม่ใช้หน้าที่ที่จะต้องทำ